Trucks

ในฐานะที่เป็นบริษัท ความอยู่รอดของเราขึ้นอยู่กับอัตราการใช้เชื้อเพลิงต่ำ ผู้ขับขี่ที่ได้รับการฝึกฝน และรถบรรทุกที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การฝึกอบรมผู้ขับขี่ แรงจูงใจพิเศษ และการลงทุนกับรถบรรทุกและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดทำให้ Jastim บริษัทขนส่งของโปแลนด์สามารถลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงลงได้ถึงระดับที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะสามารถทำได้มาก่อน
รถบรรทุก Volvo FH รุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์ Euro 6 C และได้รับการปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์ล่าสุด ช่วยให้ Jastim ลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงได้หลายพันลิตร
รถบรรทุก Volvo FH รุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์ Euro 6 C และได้รับการปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์ล่าสุด ช่วยให้ Jastim ลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงได้หลายพันลิตร
การจราจรที่ติดขัดนั้นเป็นสถานการณ์ที่ห่างไกลจากการเอื้อให้ประหยัดเชื้อเพลิงอย่างมาก แต่ผู้ขับขี่ที่ผ่านการอบรมและมีประสบการณ์ย่อมรู้ถึงวิธีการประหยัดเชื้อเพลิง

ณ แถบชานเมืองของวอร์ซอในประเทศโปแลนด์ โรเบิร์ต เซค ค่อยๆ ขับรถบรรทุก Volvo FH ผ่านการจราจรอย่างช้าๆ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ขับขี่ซึ่งภาคภูมิใจอย่างมากกับทักษะการขับขี่แบบประหยัดเชื้อเพลิงของตนเอง สถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิด "นี่ไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีเลย" เขากล่าวขณะเหยียบคันเร่งเพื่อออกรถอีกครั้งหลังหยุดรอสัญญาณไฟ "แต่ถึงจะเป็นสถานการณ์เช่นนี้ คุณก็ยังสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มาก หากคุณขับขี่อย่างราบรื่นและคาดการณ์ได้ดีด้วยการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า" 

โรเบิร์ต เซค ทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกมากว่า 20 ปี เขาเป็นหนึ่งในผู้ขับขี่ของ Jastim ที่ใช้เชื้อเพลิงได้ประหยัดที่สุด ด้วยอัตราเฉลี่ยราว 24 ลิตร/100 กม. ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้รับรางวัลจากโปรแกรมสร้างแรงจูงใจในการประหยัดเชื้อเพลิงของ Jastim อยู่เป็นประจำ โดยกิจกรรมดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองสามปีก่อน ผู้ขับขี่ที่สามารถรักษาระดับการใช้เชื้อเพลิงให้อยู่ต่ำกว่า 28 ลิตรจะได้รับเงิน 300 ซโลว์ทิ (หรือ 70 ยูโร) และจะได้รับเงินเพิ่มอีก 100 ซโลว์ทิสำหรับเชื้อเพลิงแต่ละลิตรที่ลดลง

โรเบิร์ต เซค ทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกมากว่า 20 ปีแล้ว เขาเป็นหนึ่งในพนักงานขับรถที่ใช้เชื้อเพลิงประหยัดที่สุดของ Jastim

โปรแกรมนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายแนวคิดที่ทาง Jastim ริเริ่มขึ้นเพื่อช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงภายในฟลีทรถบรรทุกของบริษัท แนวคิดริเริ่มอื่นๆ ประกอบด้วยการลงทุนในรถบรรทุกและเทคโนโลยีใหม่ๆ รถบรรทุกรุ่นล่าสุดของ Jastim ใช้งานเครื่องยนต์ Euro 6 C รุ่นใหม่จากวอลโว่ ทรัคส์และมีการปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์ล่าสุด โดยปรับให้เหมาะกับรถบรรทุกที่ขับด้วยความเร็วคงที่ระหว่าง 60-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งเครื่องยนต์ Euro 6 C และการปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์ล่าสุดมอบการประหยัดเชื้อเพลิงได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เปอร์เซ็นต์สำหรับการขนส่งระยะไกลและข้ามประเทศ

"ตอนนี้เราเห็นระดับการใช้เชื้อเพลิงที่หากเป็นเมื่อ 3-4 ปีก่อน เราคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆ" แต่มาตอนนี้ ตัวเลขดังกล่าวกลับเป็นเรื่องปกติ

“เราให้ความสนใจกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เสมอ" ยาเซ็ค สโลวินสกี้ เจ้าของบริษัท Jastim อธิบาย "จากปริมาณเชื้อเพลิงที่เราใช้ในทุกเดือน การประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึงสามเปอร์เซ็นต์นั้นคิดเป็นเชื้อเพลิงหลายพันลิตรสำหรับเรา”

ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงนับเป็นสัดส่วนสำคัญด้านต้นทุนของบริษัทขนส่งทุกราย บ่อยครั้งค่าใช้จ่ายนั้นสูงถึงหนึ่งในสามของต้นทุนทั้งหมด แต่สำหรับ Jastim การอยู่รอดของบริษัทนั้นกำลังอยู่ในความเสี่ยง "อันที่จริงก็คือ เราไม่มีทางเลือก" ยาเซ็ค สโลวินสกี้ กล่าวเสริม "ณ ตอนนี้เราไม่สามารถแบกรับปริมาณการใช้เชื้อเพลิงแบบเดียวกับเมื่อสามปีก่อน หรือราว 31-32 ลิตรได้แล้ว นั่นคงทำให้ธุรกิจของเราพังแน่นอน"

ยาเซ็ค สโลวินสกี้ เจ้าของบริษัท Jastim สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงได้สำเร็จ ด้วยการลงทุนกับรถบรรทุกและเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดจนการฝึกอบรมผู้ขับขี่

Jastim เข้าใจตั้งแต่แรกแล้วว่าหากพิจารณาเรื่องการใช้เชื้อเพลิง ผู้ขับขี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ารถบรรทุก นั่นเองคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาริเริ่มแผนการตอบแทน "เราประกาศอย่างชัดเจนว่าความอยู่รอดของบริษัทเรานั้นขึ้นอยู่กับการลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิง” สโลวินสกี้ กล่าว "แต่เราก็ยังแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้วว่าเราในฐานะบริษัท ก็ต้องการแบ่งปันผลตอบแทนจากการประหยัดเชื้อเพลิงร่วมกับผู้ขับขี่ของเรา เราไม่สามารถคาดหวังจะให้ผู้ขับขี่ของเราใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพได้ หากบริษัทเป็นฝ่ายเดียวที่รับผลตอบแทนทั้งหมด"   

เพื่อให้พวกเขาสนับสนุนผู้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น Jastim จึงลงทุนในการฝึกอบรมผู้ขับขี่ควบคู่กันไป ผู้ขับขี่ทุกคนที่ได้รับมอบหมายให้ขับรถบรรทุกของวอลโว่จะต้องเข้าร่วมหลักสูตร Eco Driving ของวอลโว่ด้วย ผลที่ได้คือผู้ขับขี่รถวอลโว่ทุกคนสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อสิทธิ์ในการรับโบนัสตอบแทนรายเดือน

"ตลอดระยะเวลาของหลักสูตร ผู้ขับขี่ไม่เพียงได้เรียนรู้วิธีการขับขี่แบบประหยัดเชื้อเพลิงเท่านั้น แต่พวกเขายังได้เรียนรู้วิธีการดูแลรถบรรทุกอย่างเหมาะสม ซึ่งสิ่งนี้ช่วยรับรองไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการดำเนินงาน" โทมัส โวรบลิวสกี้ ผู้จัดการฟลีทของ Jastim กล่าว "นี่หมายความว่าบริษัทจะได้ผลกำไรมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันผู้ขับขี่ก็ได้รับเงินเพิ่มในรูปแบบโบนัสการประหยัดเชื้อเพลิง"

วอร์ซอ เมืองหลวงของโปแลนด์และที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Jastim ลูกค้าของ Jastim หลายรายต้องการเห็น Jastim ลดการใช้เชื้อเพลิงลงได้อย่างต่อเนื่อง

ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มอบประโยชน์ด้านการเงินเพียงอย่างเดียว ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดสามรายของ Jastim ได้แก่ Schenker, IKEA และ DHL ต่างให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากและผลักดันให้ซัพพลายเออร์ของบริษัทพยายามลดการใช้เชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จล่าสุดในการประหยัดเชื้อเพลิงจากการใช้งานรถรุ่นใหม่และการฝึกอบรมผู้ขับขี่จึงช่วยให้บริษัทสามารถตอบโจทย์ด้านความคาดหวังที่สูงของลูกค้าเหล่านี้ได้

กลับไปบนท้องถนน ตอนนี้ โรเบิร์ต เซค ขับรถของเขาอย่างอิสระบนทางหลวง ในสถานการณ์เช่นนี้เอง ที่เขาสามารถใช้ประโยชน์จากการฝึกอบรมผู้ขับขี่และคุณลักษณะต่างๆ ของรถ Volvo FH ได้อย่างเต็มที่ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วคงที่, I-See รวมถึงกำลัง 500 แรงม้าจากเครื่องยนต์ Euro 6 C เขาเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นจนแตะ 85 กม./ชม. อย่างรวดเร็ว การฝึกอบรมสอนให้เขาทราบว่านี่คือความเร็วที่เหมาะที่สุดสำหรับการขับขี่ระยะทางไกล เพราะช่วยมอบทั้งการทำงานอย่างมีเต็มประสิทธิภาพและการใช้เชื้อเพลิงในระดับต่ำที่สุด การรักษาระดับความเร็วให้คงที่ คือปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ

"กำลังของเครื่องยนต์นั้นมีพลังมากจนคุณสามารถขับรถด้วยเกียร์ที่สูงกว่าระดับที่เกียร์อัตโนมัติเลือก ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเชื้อเพลิงได้มาก" โรเบิร์ต เซค กล่าวระหว่างอธิบายเทคนิคการขับขี่ของเขา "ด้วยกลไกการควบคุมความเร็วคงที่แบบอัจฉริยะ คุณสามารถเข้าเกียร์ว่างขณะขับรถลงเนิน การทำเช่นนี้ช่วยให้รถแล่นไปได้อย่างอิสระและใช้เชื้อเพลิงน้อยที่สุด" 

ตั้งแต่ที่พวกเขาตัดสินใจลงทุนกับรถ Volvo FH รุ่นใหม่และการฝึกอบรมผู้ขับขี่เมื่อสามปีก่อน ค่าเฉลี่ยการใช้เชื้อเพลิงของ Jastim นั้นลดลงจากราว 32 ลิตร/100 กม. เหลือเพียง 26 ลิตรเท่านั้น

 

นี่คือตัวอย่างอันสมบูรณ์แบบที่แสดงให้เห็นว่าการผสมผสานเทคโนโลยีอันทันสมัยและผู้ขับขี่ที่มากด้วยทักษะช่วยให้เราประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างไร รวมทั้งเป็นสาเหตุว่าทำไมค่าเฉลี่ยการใช้เชื้อเพลิงของ Jastim จึงลดลงจากเกือบ 32 ลิตร/100 กม. เหลือเพียง 26 ลิตรเท่านั้น สำหรับผู้ขับขี่ที่ฝีมือเยี่ยมที่สุดเช่น โรเบิร์ต เซคนั้น มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 24 ลิตร "ตอนนี้ เราเห็นระดับการใช้เชื้อเพลิงที่หากเป็นเมื่อ 3 - 4 ปีก่อน เราคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆ" ยาเซ็ค สโลวินสกี้ กล่าว "แต่มาตอนนี้ ตัวเลขดังกล่าวกลับเป็นเรื่องปกติ"

JASTIM

ก่อตั้ง: 1999
เจ้าของ: ยาเซ็ค สโลวินสกี้
สำนักงานใหญ่: วอร์ซอ, โปแลนด์
จำนวนพนักงาน: 94 คน รวมผู้ขับขี่ 70 คน
งานที่ได้รับมอบหมาย: การขนส่งและขนถ่ายสินค้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ปัจจุบัน Jastim มีลูกค้าราว 200 ราย ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดสามรายคือ DB Schenker, DHL และ IKEA
รถบรรทุกวอลโว่ในฟลีท: Volvo FH 500 จำนวน 4 คันและ Volvo FH 460 จำนวน 21 คัน
ข้อมูลจำเพาะของรถบรรทุก: Volvo FH พร้อมโกลบทรอทเตอร์แคป, เครื่องยนต์ Euro 6 step C รุ่น D13K500, เกียร์ I-Shift รุ่น F พร้อมแพ็คเกจประหยัดเชื้อเพลิงที่ประกอบด้วย I-See, ระบบเบรกฉุกเฉิน และระบบควบคุมช่องทางเดินรถ
ปริมาณการใช้เชื้อเพลิง: 26 ลิตร/100 กม. – ลดลงจาก 32 ลิตร/100 กม. เมื่อสี่ปีก่อน
การฝึกอบรมผู้ขับขี่: ผู้ขับขี่ทุกคนจะต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง การฝึกอบรมสำหรับผู้ขับขี่วอลโว่ดำเนินงานและจัดการโดยวอลโว่ ทรัคส์ โปแลนด์
บริการอื่นๆ: Jastim ใช้งานระบบ Dynafleet ในรถบรรทุกของวอลโว่ ทรัคส์ บริษัทเช่ารถบรรทุกผ่านบริการ Volvo Financial Services โดยมีระยะเวลาสัญญาการเช่าระหว่าง 3-4 ปี

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Latest Press Release

Latest Press Release