25: Volvo FH LNG (2017)
วอลโว่ ทรัคส์ มุ่งค้นหาวิธีการใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและค้นหาโซลูชันที่ยั่งยืน ในปี 2017 มีการเปิดตัว Volvo FH LNG ซึ่งเป็นรถบรรทุกสำหรับงานที่วิ่งด้วยก๊าซธรรมชาติเหลวหรือก๊าซชีวภาพ รถรุ่นดังกล่าวช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ได้ 20 ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยลดผลกระทบต่อสภาพอากาศได้มากขึ้นสำหรับงานขนส่งหนักระดับภูมิภาคและระยะไกล
24: I-Shift พร้อมเกียร์ไต่คลาน (2016)
ด้วยชุดเกียร์ต่ำแบบใหม่ รถบรรทุก Volvo FH จึงออกตัวได้แม้บนพื้นผิวถนนขรุขระหรือขณะบรรทุกน้ำหนักมากกว่าเดิม ช่วยให้คนขับสามารถรับงานได้เพิ่มมากขึ้น ระบบดังกล่าวยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้เกียร์ที่เหมาะสมเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงระหว่างการเดินทางเที่ยวกลับด้วยรถเปล่าอีกด้วย
23: ตัวยกเพลาคู่ - Tandem Axle Lift (2015)
เพลาขับสร้างแรงเสียดทานและความต้านทานต่อการหมุนของล้อ ซึ่งจะเพิ่มปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะใช้ การยกเพลาขึ้นจะช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 4% ในการเดินทางเที่ยวกลับ โดยการปลดและยกเพลาในยามที่ไม่จำเป็นต้องใช้งาน ตัวยกเพลาคู่เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่บรรทุกของแบบเที่ยวเดียวโดยที่ไม่มีการบรรทุกของกลับมา
22: เกียร์ I-Shift แบบคลัตช์คู่ (2014)
เกียร์ I-Shift แบบคลัตช์คู่ ช่วยมอบระบบเกียร์ที่ใช้เทคโนโลยีรถแข่งให้กับ Volvo FH ชุดเกียร์นี้ช่วยเพิ่มความราบรื่นในการขับขี่ โดยเฉพาะบนพื้นผิวลาดเอียง
21: วอลโว่ ไดนามิก สเตียริ่ง (2013)
วอลโว่ ไดนามิก สเตียริ่ง มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ขับขี่ ด้วยการพิจารณาเจตนาของผู้ขับขี่ด้วยความถี่ 2,000 ครั้งต่อวินาทีและปรับชดเชยสำหรับสภาพภูมิประเทศและลม ระบบดังกล่าวช่วยให้การควบคุมรถใช้แรงน้อยลงอย่างมาก ซึ่งช่วยลดความเครียดต่อกล้ามเนื้อหลังและคอของผู้ขับขี่ ขณะใช้ความเร็วสูง วอลโว่ ไดนามิก เสตียริ่ง ช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาความเสถียรและบังคับรถให้อยู่บนเส้นทาง และเมื่อเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง ระบบนี้จะให้แรงบังคับทิศทางไม่ว่าจะมีน้ำหนักบรรทุกเท่าใดก็ตาม
20: Generation IV (2012)
ในปี 2012 มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Volvo FH ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติสำหรับช่วยเหลือคนขับมากกว่าเดิม มีการเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารอีกหนึ่งลูกบาศก์เมตร และมีการเพิ่มขนาดกระจกภายในห้องโดยสารเพื่อมอบทัศนวิสัยที่ดีขึ้น การควบคุมรถก็มีการปรับปรุงด้วยแชสซีที่พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
19: I-Park Cool (2012)
Volvo FH คือสถานที่ทำงานอันสมบูรณ์แบบ และยังเป็นพื้นที่สำหรับอาศัยด้วย การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอนั้นจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาความปลอดภัยบนท้องถนน และ I-Park Cool โซลูชันด้านระบบปรับอากาศภายในแบบใหม่จากวอลโว่ ทรัคส์ก็วางมาตรฐานใหม่สำหรับการรักษาอุณภูมิในห้องโดยสารให้เหมาะสมเสมอ แม้ในยามกลางคืน
18: I-See (2012)
ซอฟต์แวร์ I-See ช่วยให้รถบรรทุก Volvo FH ใช้องค์ความรู้จากเส้นทางที่เดินทางได้ ซอฟต์แวร์ดังกล่าวใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มการประหยัดเชื้อเพลิง โดยใช้ระบบควบคุมความเร็วแบบคงที่สำหรับการขับรถขึ้นและลงทางลาดชัน
17: ระบบเบรกฉุกเฉิน (2012)
Volvo FH ช่วยมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่มาตั้งแต่ปี 1993 และในปี 2012 วอลโว่ ทรัคส์ ก็ได้เปิดตัวระบบเบรกฉุกเฉิน ระบบดังกล่าวเป็นคุณสมบัติแบบ Active Safety ซึ่งอาศัยการทำงานของเรดาร์และกล้องเพื่อระบุยานพาหนะที่อยู่ด้านหน้ารถ
16: FH Generation III (2008)
รถบรรทุก Volvo FH ได้รับการปรับปรุงครั้งสำคัญในปี 2008 มีการออกแบบภายในห้องโดยสารใหม่ทั้งหมด และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ด้านความสะดวกสบายของคนขับ นอกจากนี้ ด้านหน้าของรถก็ยังมีการปรับโฉมใหม่เพื่อให้เป็นที่จดจำด้วยชุดตะแกรงหน้า แผงบังแดด และไฟหน้าโฉมใหม่
15: ระบบเตือนผู้ขับขี่ (2008)
วอลโว่ ทรัคส์ ช่วยให้การขับขี่บนท้องถนนปลอดภัย ในปี 2008 มีการเปิดตัวระบบเตือนผู้ขับขี่ ระบบดังกล่าวจะตรวจหาการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติบนท้องถนน หากผู้ขับขี่แสดงท่าทางเหนื่อยล้า ระบบจะส่งเสียงเตือนพร้อมสัญญาณที่ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้
14: ระบบควบคุมช่องทางเดินรถ (2007)
เพื่อให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยบนท้องถนน ระบบควบคุมช่องทางเดินรถจะติดตามเครื่องหมายต่างๆ บนผิวถนนด้วยกล้องและแจ้งเตือนหากมีการข้ามเส้นจราจรโดยไม่ตั้งใจ
13: ระบบ Volvo Engine Brake+ (2006)
เมื่อครั้งแรกที่มีการเปิดตัวรถ Volvo FH ในปี 1993 ระบบเบรกเครื่องยนต์ของ Volvo เป็นคุณสมบัติที่น่าตื่นเต้น และในปี 2006 ระบบดังกล่าวก็ได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มกำลังในการเบรกสูงสุดอีก 25 เปอร์เซ็นต์ การปรับปรุงระบบดังกล่าวช่วยให้การขับรถลงเนินทำได้ง่ายกว่าเดิม พร้อมทั้งช่วยลดภาระการทำงานของเบรกล้อ
12: FH Generation II (2001)
การเปิดตัวรถ Volvo FH รุ่นที่สองช่วยวางมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมรถบรรทุก รถบรรทุกที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ได้รับการเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ ที่ช่วยให้กลายเป็นสถานที่ทำงานที่ดีกว่าเดิมสำหรับผู้ขับขี่ ตลอดจนเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ ห้องโดยสารที่ออกแบบใหม่มีคุณสมบัติเชิงอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่าเดิม
11: ระบบควบคุมการทรงตัวของรถแบบอิเล็กทรอนิกส์ (2001)
ในปี 2001 วอลโว่ ทรัคส์ได้เปิดตัวระบบควบคุมการทรงตัวชุดแรกของโลก ซึ่งสามารถควบคุมทั้งรถบรรทุกและรถหัวลากได้ ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง ระบบควบคุมการทรงตัวจะทำงานทันที โดยลดกำลังเครื่องยนต์และเบรกล้อแต่ละล้อของรถบรรทุกและรถพ่วงแยกกัน
10: ห้องโดยสารรองรับแรงกระแทก (2001)
วอลโว่ ทรัคส์ มุ่งค้นหาวิธีการใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอยู่เสมอ ในกรณีที่เกิดการชน ห้องโดยสารที่รองรับแรงกระแทกจะถ่ายโอนพลังงานไปที่ด้านหลังเพื่อรักษาพื้นที่รอดชีวิตที่จำเป็นไว้
9: เกียร์ I-Shift (2001)
ในปี 2001 มีการติดตั้งชุดเกียร์ I-Shift เข้ากับ Volvo FH นี่คือการปฏิวัติระบบเกียร์ ชุดเกียร์ดังกล่าว คือระบบเกียร์ที่สร้างขึ้นเพื่อการเปลี่ยนเกียร์แบบอัตโนมัติโดยเฉพาะและเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีผู้ผลิตรายอื่นทำมาก่อนในรถบรรทุก ระบบเกียร์มอบข้อได้เปรียบให้ Volvo FH อย่างมาก ด้วยการให้คนขับมุ่งความสนใจไปกับการจราจรบนถนนได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็สามารถใช้ประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดสำหรับการขนส่งระยะไกล
8: ดิสก์เบรกและระบบเบรกที่ควบคุมแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBS) (1999)
ประสิทธิภาพการทำงานที่เยี่ยมยอดนั้นสำคัญในทุกส่วนของรถบรรทุก การเพิ่มระบบดิสก์เบรกพร้อม EBS เข้ากับรถ Volvo FH ในปี 1999 ช่วยมอบการตอบสนองที่เหนือกว่า รวมถึงเปิดโอกาสให้กับคุณสมบัติใหม่ๆ มากมายในอนาคต
7: ระบบป้องกันการมุดใต้ท้องรถด้านหน้า (FUPS) (1996)
ความปลอดภัยนั้นมีความสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะกับคนที่อยู่ในรถบรรทุกเท่านั้น ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ชนประสานงากับรถยนต์ รถบรรทุก Volvo FH นั้นออกแบบมาเพื่อรองรับแรงบางส่วนจากการชนโดยทำให้เกิดการถอยไปด้านหลัง วอลโว่ ทรัคส์ นำคุณสมบัติดังกล่าวมาใช้งานตั้งแต่ก่อนจะมีการบังคับเป็นมาตรฐาน
6: ถุงลมนิรภัย (1995)
วอลโว่ เปิดตัวระบบถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับในปี 1995 และเป็นผู้ผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่รายแรกของโลกที่ทำเช่นนั้น
5: เครื่องยนต์ D12A (1993)
เครื่องยนต์ D12A ช่วยให้ Volvo FH เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม เครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวมีประสิทธิภาพการทำงานเหนือชั้น โดยมีหัวฉีดหนึ่งชุดในแต่ละกระบอกสูบ ชุดเพลาลูกเบี้ยว และมีวาล์วสี่ชุดในแต่ละกระบอกสูบ เมื่อผู้ขับขี่ได้มีโอกาสทดลองขับ พวกเขากล่าวว่าเครื่องยนต์คือหนึ่งในหลายๆ สิ่งที่โดดเด่นมาก
4: ระบบ Volvo Engine Brake (1993)
ระบบเบรกเครื่องยนต์ของ Volvo มอบขุมพลังในการเบรกอันเยี่ยมยอดให้กับ Volvo FH ระบบนี้ช่วยลดภาระการทำงานของเบรกล้อ รวมถึงมอบความเร็วการวิ่งเฉลี่ยที่สูงกว่าท่ามกลางสภาพพื้นผิวที่เป็นเนินด้วยความปลอดภัยมากขึ้น
3: ระบบอากาศพลศาสตร์ (1993)
Volvo FH นั้นแตกต่างจากรถบรรทุกรุ่นอื่นๆ เพราะผ่านการทดสอบอย่างครอบคลุมภายในอุโมงค์ลมเพื่อมอบคุณสมบัติเชิงอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุด การทดสอบช่วยมอบสมรรถนะการขับขี่และการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น
2: ห้องโดยสาร (1993)
หนึ่งในข้อได้เปรียบหลักๆ ของ Volvo FH ในช่วงการเปิดตัว คือการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับคนขับ ห้องโดยสารได้รับการออกแบบหลังผ่านการทดสอบกับคนขับจริงๆ นับครั้งไม่ถ้วน การตัดสินใจทุกอย่างคำนึงถึงความต้องการของคนขับเป็นหลัก ผลลัพธ์คือห้องโดยสารที่สร้างความประทับใจให้กับกลุ่มตลาดอย่างมาก และทำให้ Volvo FH ไม่เพียงเป็นทำงานที่เหมาะกับการขับขี่ แต่ยังเหมาะกับการพักผ่อนด้วย
1: แชสซี (1993)
เมื่อตอนที่รถบรรทุก Volvo FH ถูกผลิตขึ้น มันถูกสร้างขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่กว้างกว่าของวอลโว่ ทรัคส์ หนึ่งในหลายๆ สิ่งที่ทำให้ Volvo FH นั้นยอดเยี่ยมตั้งแต่แรกเริ่มก็คือแชสซีแบบใหม่ ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อให้เป็นพื้นฐานสำหรับให้ทีมวิศวกรอื่นๆ ทั้งหมดสามารถต่อยอดได้ สิ่งนี้ช่วยสร้างเสถียรภาพและความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนช่วยปูทางไปสู่สายการผลิตรถบรรทุกที่ประสบความสำเร็จในอนาคต